ถาม – ตอบ ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคติดเชื้อ “อีโบล่าไวรัส”

อีโบลาคืออะไร ?
ตอบ : เป็นเชื้อไวรัสก่อโรครุนแรงในคนและลิง แหล่งรังโรคธรรมชาติคือค้างคาวกินผลไม้ แต่อาจมีสัตว์ชนิดอื่นอีกซึ่งมีที่อยู่อาศัยหลักในป่าดิบชื้นในทวีปแอฟริกา ไม่พบแหล่งรังโรคที่ติดเชื้อในประเทศไทย โรคนี้ระบาดมาแล้วมากกว่า 20 ครั้งในทวีปแอฟริกา ขณะนี้มีการระบาดใหญ่ทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา ในประเทศไลบีเรีย กินี เซียร์ราลีโอน และไนจีเรีย ผู้ป่วยที่ติดเชื้ออีโบล่ามีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าร้อยละ 50

โรคนี้ติดต่อได้อย่างไร ?
ตอบ : ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด น้ำเหลือง สารคัดหลั่งของคนและสัตว์ที่เป็นโรค เชื้อจะเข้าทางผิวหนังหรือเยื่อเมือกที่มีแผลหรือรอยถลอก รวมถึงการโดนวัตถุมีคมที่มีเชื้อตำ การติดต่อส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการหรือศพผู้เสียชีวิตโดยไม่ได้ป้องกัน การสัมผัสผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการมีโอกาสติดเชื้อน้อยมาก เชื้ออีโบล่าไม่ติดต่อทางอากาศ อาหาร น้ำดื่ม การพูดคุยกันและการถูกยุงกัด

ติดเชื้อแล้วมีอาการอย่างไร ?
ตอบ : หลังได้รับเชื้อภายใน 21 วัน (ส่วนใหญ่ 1 –2 สัปดาห์) จะมีไข้สูง ปวดหัว ปวดตามตัว อ่อนเพลียคล้ายไข้หวัด หรือไข้เลือดออก อาจมีคลื่นไส้ อาเจียนปวดท้อง ท้องเสีย มีผื่นตามตัว ต่อมาจะมีเลือดออกตามผิวหนังและอวัยวะต่างๆ ระบบต่างๆของร่างกายล้มเหลว ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตภายใน 1 – 2 สัปดาห์หลังมีอาการ

ถ้ามีอาการและสงสัยว่าติดเชื้อ จะยืนยันอย่างไร ?
ตอบ : การวินิจฉัยโรคอาศัยการตรวจในห้องปฏิบัติการที่มีมาตรการความปลอดภัยสูงสุด (ระดับ 4) โดยตรวจหาเชื้อหรือภูมิต้านทานต่อเชื้อ

ถ้าติดเชื้อหรือสงสัยว่าติดเชื้อควรทำอย่างไร ?
ตอบ : ถ้ามีประวัติเดินทางมาจากถิ่นที่มีการระบาด หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยไม่เกิน 21 วันก่อนมีอาการข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์

โรคนี้รักษาได้หรือไม่ ?
ตอบ : ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคนี้โดยเฉพาะ แต่แพทย์จะให้การดูแลรักษาโดยการให้สารน้ำ ดูแลเรื่องการหายใจ และให้การรักษาประคับประคองอื่นๆอย่างใกล้ชิด

จะป้องกันการติดเชื้ออย่างไร ?
ตอบ : ใช้หลักการรักษาสุขอนามัย ได้แก่ การล้างมือและรักษาความสะอาดทั่วไป
– ถ้ามีผู้ป่วย/ผู้ที่อาจติดเชื้อ แพทย์จะแยกตัวผู้ป่วยทันทีและควบคุมการสัมผัสขั้นสูงสุด
– เครื่องใช้วัสดุที่สัมผัสกับผู้ป่วย ใช้วิธีการทำลายเชื้ออย่างใดอย่างหนึ่งได้แก่ ต้มเดือด 5 นาที ใช้ความร้อน 60°C นาน 30 นาที ,อบด้วยรังสีแกมมา/ยูวี หรือใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรท์
– ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้ คาดว่าจะมีการศึกษาทดลองวัคซีนในปี 2558

ขณะนี้มีผู้ป่วยโรคติดเชื้ออีโบล่าในประเทศไทยหรือไม่ ?
ตอบ : ปัจจุบันยังไม่มีรายงานผู้ป่วยในประเทศไทยโอกาสที่จะพบผู้ป่วยโรคนี้ในประเทศไทยมีน้อยมาก

โรคนี้ติดต่อได้ง่ายในประชาชนทั่วไปหรือไม่ ?
ตอบ : จากการศึกษาทางระบาดวิทยา โรคติดเชื้ออีโบล่าเมื่อเทียบกับโรคติดต่ออื่นๆมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อในประชาชนทั่วไปต่ำ โดยพบว่าความสามารถในการแพร่เชื้อในชุมชนต่ำกว่าโรคหัดประมาณ 10 เท่า ต่ำกว่าโรคซาร์และไข้หวัดใหญ่ประมาณ 2 – 3 เท่า

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดโรคนี้คือกลุ่มใด ?
ตอบ : คนที่ใกล้ชิดและสัมผัสผู้ป่วย เช่น บุคลากรทางการแพทย์ ญาติผู้ป่วยและคนทำศพที่ติดเชื้อ

ช่วงนี้ถ้าใครมีไข้สูง ปวดเมื่อย ปวดหัว มีผื่นตามตัว คลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเดิน แสดงว่าน่าจะติดเชื้ออีโบล่าใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ใช่ อาการดังกล่าวสามารถเกิดจากโรคติดเชื้ออื่นๆที่พบได้บ่อยกว่าในประเทศไทย เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออกจากยุงลาย ไข้มาลาเรีย ไข้ทัยฟอยด์ โรคฉี่หนู อาหารเป็นพิษ เป็นต้น ควรสงสัยว่าติดเชื้ออีโบล่าก็ต่อเมื่อผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยหรือเดินทางไปในถิ่นระบาดของโรคนี้ภายใน 21 วันก่อนมีอาการ

ควรงดการเดินทางไปต่างประเทศในช่วงนี้หรือไม่ ?
ตอบ : องค์การอนามัยโลกยังไม่มีข้อห้ามในการเดินทางไปในถิ่นระบาดในทวีปแอฟริกา แต่ควรหลีกเลี่ยงหากไม่จำเป็น ส่วนการเดินทางไปประเทศที่ไม่ได้เป็นถิ่นระบาดไม่จำเป็นต้องงด

มีโอกาสที่จะติดเชื้ออีโบล่าจากการเดินทางโดยเครื่องบินร่วมกับผู้ป่วยที่เดินทางมาจากถิ่นระบาดบนเครื่องหรือระหว่างรอขึ้นเครื่องที่สนามบินหรือไม่ ?
ตอบ : การเดินทางโดยเครื่องบินร่วมกับผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อน้อยมาก เนื่องจากปัจจุบันผู้ป่วยที่มีอาการจะถูกคัดกรองโดยสายการบินและท่าอากาศยานไม่อนุญาตให้เดินทางโดยเครื่องบิน ในกรณีที่ผู้ป่วยยังไม่มีอาการจะมีปริมาณเชื้อในเลือดไม่มาก นอกจากนี้เนื่องจากการติดต่อจะเกิดได้จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือดหรือสิ่งคัดหลั่ง โอกาสแพร่เชื้อจึงน้อยมาก

ศ.นพ.ดร.นรินทร์ หิรัญสุทธิกุล
ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
nhiransu@yahoo.com

ที่มา : http://www.chula.ac.th/blog/archives/10578

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

บันทึกการตั้งค่า