จุฬาฯ ยืนยันน้ำท่วมปีนี้ไม่รุนแรงเหมือนปี 2554
คณาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมั่นใจสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลายเป็นปกติ ภายในไม่เกินสิ้นเดือนตุลาคมและกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ ยืนยันสถานการณ์น้ำท่วมปีนี้จะไม่แผ่ ขยายเป็นวงกว้างเหมือนปี พ.ศ. 2554 โดยพื้นที่เสียหายรุนแรงจากน้ำท่วมจะจำกัดอยู่เฉพาะ 3 จังหวัด คือ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา พร้อมเตือนให้เร่งเฝ้าระวังเหตุการณ์ น้ำท่วมในจังหวัดทางภาคใต้ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และ นครศรีธรรมราช
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดงานแถลงข่าวเรื่อง “จับตาสถานการณ์น้ำท่วม ซ้ำรอยปี 2554 หรือไม่?” เมื่อวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2556 ณ ห้องประชุม 202 อาคารจามจุรี 4 โดยมี รศ.ทพ.นพ.ดร.สิทธิชัย ทัดศรี รองอธิการบดี ศ.น.สพ.ดร.มงคล เตชะกำพุ รองอธิการบดี รศ.ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และนายศักย์ สกุลไทย หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศ หน่วยปฏิบัติการวิจัยระบบการจัดการแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมแถลงข่าว มีสื่อมวลชนมารายงานข่าวเป็นจำนวนมาก
ศ.น.สพ.ดร.มงคล เตชะกำพุ รองอธิการบดีด้านวิจัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นสูงและ เป็นศูนย์รวมขององค์ความรู้ครอบคลุมทุกสาขา ทำหน้าที่เป็น “เสาหลักของแผ่นดิน” และเป็นแหล่งอ้างอิงทางวิชาการของสังคม มหาวิทยาลัยตระหนักดีถึงความกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์ น้ำท่วมที่กำลังสร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ และได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาคำตอบที่มีความชัดเจนชี้แจงแก่ประชาชน ที่ผ่านมาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาเมื่อครั้งที่ประเทศไทยเกิดมหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 รวมทั้งให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆแก่ผู้ประสบภัย สำหรับอุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ นอกจากบทบาททางวิชาการและองค์ความรู้ต่างๆที่คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากจุฬาฯได้ให้ความช่วยเหลือแก่สังคมแล้ว ในส่วนของนิสิตโดยองค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาฯ จะจัดโครงการชาวจุฬาฯรวมใจช่วยภัยน้ำท่วม ในเดือนตุลาคมนี้ โดยลงพื้นที่ไปมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่เดือดร้อน รวมทั้งสร้างกำแพงป้องกันโบราณสถานถูกน้ำท่วมที่ จ.อยุธยา
รศ.ดร. สุจริต คูณธนกุลวงศ์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ชี้แจงว่า จากการเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด สามารถยืนยันได้ว่า เหตุการณ์น้ำท่วมในปีนี้จะไม่รุนแรงเหมือนปี พ.ศ. 2554 โดยลักษณะการท่วมในปีนี้ จะเป็นการท่วมในพื้นที่จำกัด ซึ่งพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรุนแรงสำหรับปีนี้จะอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และ พระนครศรีอยุธยา และริมแม่น้ำเจ้าพระยาพื้นที่นอกคัน กทม. เป็นหลัก
“หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมน้ำท่วมปีนี้มีความรุนแรงอยู่แถวปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา รวมทั้งบางจังหวัดในภาคตะวันออก ทั้งที่เมื่อปี พ.ศ. 2554 บริเวณดังกล่าวปลอดภัยจากน้ำท่วม ซึ่งคำตอบก็คือต้นเหตุของน้ำท่วมบริเวณนั้นมาจากปริมาณฝนเพียงอย่างเดียว คือ บริเวณดังกล่าวมีกลุ่มฝนกระจุกตัวอยู่ อีกทั้งปริมาณฝนที่ตกลงมายังมีปริมาณมากทำให้น้ำระบายไม่ทัน”
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.สุจริต มั่นใจว่าสถานการณ์น้ำท่วมในภาคกลางจะค่อยๆ คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติภายในไม่เกินสิ้นเดือนตุลาคม และภาคตะวันออกจะถึงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่ควรเฝ้าระวังการเคลื่อนตัวของพายุ “นารี ”ต่อไป นอกจากนั้นควรให้ความสนใจเฝ้าระวังภัย น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ โดยเฉพาะประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช ให้มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มฝนที่กระจุกตัวอยู่บริเวณพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปทางภาคใต้
นายศักย์ สกุลไทย หัวหน้ากลุ่มงานสารสนเทศ หน่วยปฏิบัติการวิจัยระบบการจัดการแหล่งน้ำ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีความกังวลในสถานการณ์น้ำท่วม สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของสถานการณ์น้ำได้อย่างใกล้ชิดผ่านเว็บไซต์ http://thaicrisis.chula.ac.th หรือดาวน์โหลดโปรแกรมผ่านโทรศัพท์ iphone หรือ ipad บน itune store โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงพิมพ์ค้นหาชื่อ Flood Rest Thailand ซึ่ง ระบบสารสนเทศที่คณาจารย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้พัฒนาขึ้นเพื่อบริการประชาชน โดยประเมิน ความเสี่ยงภัยน้ำท่วมจากฐานข้อมูลราชการและประชาชน เพื่อให้ประชาชนรับรู้สภาพกายภาพ ของตนเองและประเมินระดับน้ำที่อาจมีผลกระทบ หรือสอบถามได้ที่ ศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาฯ โทรศัพท์ 02-218-3364-5
ที่มา : http://www.chula.ac.th/cuth/cic/hotnews/index.htm?docId=CU_P025628.html