เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดย สำนักวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ และศูนย์เซลล์ต้นกำเนิดและเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ นำโดย นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ร่วมกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำทีมโดย ศาสตราจารย์ ดร.อนงค์นาฏ สมหวังธนโรจน์ รองคณบดี (วิจัย) ได้ร่วมกันพัฒนากระบวนการผลิตสารละลายไฟโบรอินไหมปราศจากเชื้อจากรังไหมไทย ตามมาตรฐานสากล เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้น สำหรับผลิตวัสดุและเครื่องมือทางการแพทย์ พร้อมรับมอบใบรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพกระบวนการผลิตเครื่องมือแพทย์ ISO 13485 : 2016 ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ศูนย์เซลล์ต้นกำเนิดและเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม เป็นหน่วยงานสังกัดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนางานด้านเซลล์ต้นกำเนิดครบวงจร เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยทางคลินิกมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 โดยมีอาคารปฏิบัติการเซลล์ต้นกำเนิด (Stem cells laboratory) ที่มีความพร้อมในการจัดเตรียมและเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดตามมาตรฐานสากล GMP และมีการนำเซลล์ไปศึกษาวิจัยทางคลินิกร่วมกับสถาบันอื่น ๆ จึงเป็นแม่แบบในการเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ สำหรับความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครั้งนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของกระบวนการผลิต คุณลักษณะทางเคมีและทางกายภาพของสารละลายไฟโบรอินไหมไทย ภายใต้มาตรฐานระบบบริหารคุณภาพกระบวนการผลิตเครื่องมือแพทย์ ISO 13485 : 2016 เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นมีคุณภาพที่เหมาะสม ปราศจากการปนเปื้อนและปลอดภัย ซึ่งผลจากการตรวจสอบของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณสมบัติที่เหมาะสม โดยปราศจากการปนเปื้อนสารเอนโดท็อกซินและเชื้อจุลชีพ ส่วนคุณลักษณะทางเคมีและทางกายภาพ พบว่า ได้โปรตีนบริสุทธิ์มากกว่า 99.9%
รองศาสตราจารย์ ดร.โศรดา กนกพานนท์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทีมนักวิจัยของหน่วยปฏิบัติการวิจัยวิศวกรรมชีววัสดุเพื่อการแพทย์และสุขภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ร่วมกันพัฒนาการใช้ไฟโบรอินไหมไทยเพื่องานทางการแพทย์และสุขภาพมาอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยใช้รังไหมไทยแท้ สายพันธุ์นางน้อยศรีสะเกษ 1 ที่ได้รับความร่วมมือในการผลิตและเลี้ยงไหมแบบควบคุม โดยศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (นครราชสีมา) กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งนำมาสกัดเป็นโปรตีนไฟโบรอินไหมบริสุทธิ์ 99.9% ที่สะอาดปลอดเชื้อและสารเอนโดท็อกซิน สามารถนำไปใช้ในการผลิตวัสดุทางการแพทย์ เภสัชกรรม และเครื่องสำอาง อาทิ อนุภาคกระดูกเทียม แผ่นไหมปิดแผลสมานเซลล์ผิวหนังให้แผลหายเร็ว ผิวหนังเทียม รวมถึงการพัฒนาระบบนำส่งยาที่สามารถควบคุมการปลดปล่อยของยาหรือสารออกฤทธิ์ในปริมาณและระยะเวลาที่กำหนด จุดเด่นของผลิตภัณฑ์นี้ คือ เป็นโปรตีนธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็นมิตรต่อร่างกาย สามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย มีความแข็งแรงคงตัวมากกว่าโปรตีนชนิดอื่น เช่น คอลลาเจน เจลาติน เป็นต้น ที่สำคัญผลิตภัณฑ์นี้ถือว่าเป็นวัตถุดิบต้นน้ำ สำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์เกรดสูงที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศ และพัฒนาโดยทีมนักวิจัยไทย
“ปัจจุบันทีมนักวิจัยจาก 2 หน่วยงานมีความพร้อมในการต่อยอดงานวิจัย สู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์อนุภาคกระดูกเทียมแบบหลายหน้าที่ (multi-functional bone substitute) จากโปรตีนไหมไทยและแคลเซียมฟอสเฟต ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการด้านการผลิต รวมถึงการทดสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล เพื่อเข้าสู่การรับรองและการศึกษาวิจัยทางคลินิกในลำดับต่อไป การผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้าราคาแพงจากต่างประเทศ เพิ่มโอกาสให้กับผู้ป่วยในการเข้าถึง การรักษาพยาบาล ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับประชาชนไทยแล้วยังเป็นการยกระดับ และสร้างมูลค่าให้กับรังไหมไทยซึ่งเป็นผลผลิตทางการเกษตรของไทยสู่อุตสาหกรรมการแพทย์อีกด้วย” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวทิ้งท้าย



