การวิจัยพัฒนากระบวนการผลิตสารละลายไฟโบรอินไหมไทยบริสุทธิ์ 99.9% ปราศจากเชื้อและเอ็นโดท็อกซิน ตามมาตรฐาน GMP (Medical Device) ได้รับใบรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพกระบวนการผลิตเครื่องมือแพทย์ ISO 13485 : 2016

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และ ศาสตราจารย์ ดร.อนงค์นาฏ สมหวังธนโรจน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้แทนรับมอบใบรับรองมาตรฐานระบบบริหารคุณภาพกระบวนการผลิตเครื่องมือแพทย์ ISO 13485 : 2016 จากบริษัท ยูไอซี เซอร์ติฟิเคชั่น เซอร์วิสเซส จำกัดสำหรับการวิจัยพัฒนากระบวนการผลิตสารละลายไฟโบรอินไหมไทยบริสุทธิ์ 99.9% ปราศจากเชื้อและเอ็นโดท็อกซิน ตามมาตรฐาน GMP (Medical Device) เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ณ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

ผลิตภัณฑ์นี้ใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นเกรดสูง สำหรับผลิตอุปกรณ์การแพทย์แบบย่อยสลายได้ในร่างกาย ร่วมทั้งเภสัชกรรมและเวชสำอาง โดยเป็นผลของความร่วมมือวิจัยและพัฒนา 3 ฝ่ายระหว่าง หน่วยปฏิบัติการวิจัยวิศวกรรมชีววัสดุเพื่อการแพทย์และสุขภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์เซลล์ต้นกำเนิดและเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (นครราชสีมา) กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับทุนสนับสนุนในการวิจัยและพัฒนาจากโครงการสร้างเสริมพลังจุฬาฯ ก้าวสู่ศตวรรษที่ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในชุดโครงการ ศูนย์วิจัยวิศวกรรมชีวเวช (Biomedical Engineering Research Center) โครงการย่อย: การพัฒนาอนุภาคกระดูกเทียมจากโปรตีนไหมไทยและแคลเซียมซึ่งมี รองศาสตราจารย์ ดร.โศรดา กนกพานนท์ เป็นหัวหน้าโครงการ

ผลจากการได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตสารละลายไหมไทยปลอดเชื้อนี้ ทำให้ทีมวิจัยจากสองหน่วยงานมีความพร้อมในการต่อยอดงานวิจัยผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง (Advanced Medicinal Therapeutic Products) อนุภาคกระดูกเทียมแบบหลายหน้าที่ (multi-functional bone substitute) จากโปรตีนไหมไทยและแคลเซียมฟอสเฟต เพื่อเข้าสู่การรับรองมาตรฐาน ISO13485 และ ISO10993 เพื่อการศึกษาวิจัยทางคลินิกในลำดับต่อไป การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากโปรตีนไหม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลผู้ป่วย ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้าราคาแพงจากต่างประเทศ เพิ่มโอกาสให้กับผู้ป่วยในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับประชาชนไทยแล้ว ยังเป็นการยกระดับผลผลิตทางการเกษตรของไทยสู่อุตสาหกรรมการแพทย์อีกด้วย เราเดินหน้ารักษามาตรฐานสากล เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์การแพทย์อย่างยั่งยืนต่อไปตามหลักการ Bioeconomy, Circular Economy และ Green Economy (ดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ ที่ https://www.bemhru-chula.com/med-silk)