APPLY NOW!!! QMUL Summer School 2018

We would like to make an announcement on “QMUL Summer School 2018” organized by Queen Mary University of London (QMUL). There is range of Summer School courses from physics to machine learning. More courses on offer can be looked up via this link: http://www.qmul.ac.uk/summer-school/what-can-i-study/ . The session dates of the course depend on the course you choose. Session 1 will start from 25th June to 13th August, 2018. Session 2 will start from 16th July to 3rd August, 2018. As a partner institution of QMUL, all Chula Engineering students will receive 10% of the tuition fee.

Apply now: http://www.qmul.ac.uk/summer-school/how-to-apply/apply-now/

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ลงนามความร่วมมือพัฒนาบุคลากรป้อน EEC ไทยแลนด์ 4.0 เปิดสมาร์ทแล็บอัจฉริยะ และเตรียมเปิดเมคเกอร์สเปซ ปี 2561

ในยุคทึ่ประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ท่ามกลางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว นานาประเทศมีมาตรการทางการค้าและสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผนึกกำลังภาคเอกชนลงนามความร่วมมือ MOU กับ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หนุนการสร้างบุคลากรและงานวิจัยนวัตกรรมด้านออโตเมชั่น – หุ่นยนต์ พร้อมเปิด“สมาร์ทแล็บอัจฉริยะ (Delta Industrial Automation Smart Laboratory)” กระตุ้นนวัตกรรมและหนุนสตาร์ทอัพผู้ประกอบการใหม่เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่เอื้อประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจสู่อุตสาหกรรมยุค 4.0 และไทยแลนด์ 40 พร้อมแผนเปิด “เมคเกอร์ – สเปซ” หนุนเมคเกอร์และสตาร์ทอัพร่วมทำงานยกระดับธุรกิจอุตสาหกรรมยั่งยืนในปี 2561

รองศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในก้าวสู่ปีที่ 101 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากวิสัยทัศน์มุ่งเป็น มหาวิทยาลัยแห่งชาติในระดับโลกที่สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อสร้างเสริมสังคมไทยสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เรามุ่งสร้างคน สร้างสรรค์องค์ความรู้นวัตกรรม พร้อมไปกับสร้างเสริมสังคมไทยและก้าวไกลในสังคมโลก ในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาประเทศ พลังความร่วมมือ 3 ฝ่ายระหว่าง ภาคการศึกษา ภาคเอกชนและภาครัฐ เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ในการลงนามความร่วมมือ MOU ด้านออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ ระหว่างจุฬาลงกรณ์ และ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีและระบบออโตเมชั่นครั้งนี้เป็นการร่วมกันผนึกความเชียวชาญและความรู้ความสามารถเพื่อประโยชน์ต่อสังคมไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนหรือกิจกรรมที่สนับสนุนวิจัยและพัฒนาโดยผ่านโครงการจัดการศึกษาเชิงบูรณาการ การเรียนรู้ร่วมกับการทำงาน เพื่อส่งเสริมพัฒนาและแลกเปลี่ยนบุคลากร องค์ความรู้ และเทคโนโลยี ระหว่างกัน และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยมีกรอบความร่วมมือ คือ เดลต้าฯ สนับสนุนทุนวิจัย งบประมาณ สนับสนุนการศึกษาหรือให้ใช้วัสดุ อุปกรณ์หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ในการดำเนินงานวิจัยและพัฒนา รวมทั้งอำนวยความสะดวกด้านบุคลากรต่อการดำเนินการวิจัย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะร่วมมือสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้ หากมีทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดจากความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่าย ก็จะร่วมหารือตกลงทำสัญญากันต่อไป

การเปิดสมาร์ทแล็บอัจฉริยะ ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือทันสมัยและการฝึกอบรมจากเดลต้าฯ จะทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างยั่งยืนช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้มีทักษะความเชี่ยวชาญในระบบออโตเมชั่น การกระตุ้นต่อยอดและพัฒนาศักยภาพของตนเองให้เพิ่มมากขึ้น มีจิตสาธารณะและมีความเป็นผู้นำ มีการพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมและสร้างผลงานใหม่ๆออกมาได้มากขึ้น พร้อมทั้งยังได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับต่างๆไปพัฒนาขับเคลื่อนปรเทศและสังคมได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ทาง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทางเดลต้าฯ ยินดีสนับสนุ่นการเปิด “แมคเกอร์สเปซ” คือพื้นที่สำหรับเมคเกอร์ นักวิจัย สตาร์ทอัพ มาพบปะทำงานและสร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561

นายเซีย เชน เยน ประธานบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ทศวรรษ ในการดำเนินงานของเดลต้า ให้ความสำคัญต่องานวิจัยและพัฒนา หรือ R &D สร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์คุณภาพ  โดยมุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างยั่งยืน ด้วยสำนึกของความรับผิดชอบต่อสังคม ธรรมาภิบาล ประหยัดพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  เดลต้าสนับสนุนการศึกษาด้วยเห็นว่าเป็นการพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะออกไปเป็นกำลังสำคัญของการพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนายกระดับอุตสาหกรรมไปสู่ Industry 4.0 และเป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 นั้น ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ลดต้นทุน เพิ่มคุณภาพและเพิ่มเสถียรภาพให้กับการผลิต และตอบสนองความต้องการของตลาดที่แตกต่าง ขณะนี้อุตสาหกรรมยังคงมีความต้องการวิศวกรและแรงงานทักษะออโตเมชั่นและหุ่นยนต์จำนวนมาก  รวมถึงบุคลากรที่จะสนับสนุนการซ่อมบำรุงดูแลรักษาระบบออโตเมชั่น เครื่องจักรต่างๆอีกด้วยใน 5 -10 ปีข้างหน้า จากความร่วมมือระหว่าง  เดลต้าฯ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในความร่วมมือวิจัยและพัฒนาระหว่างเดลต้า และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตลอดจนการเปิด สมาร์ทแล็บอัจฉริยะ ที่ก้าวหน้าด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีระบบออโตเมชั่นครั้งนี้จะเป็นพลังสำคัญที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง เสริมสร้าง Ecosystem เป็นแหล่งเรียนรู้แก่คนรุ่นใหม่ เมคเกอร์ ผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพให่สามารถพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง จากรุ่นสู่รุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบโจทย์ได้จริงทางสังคม สิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ

ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานมูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (มูลนิธิ3R)  กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลนี้สนับสนุนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเพื่อเร่งเตรียมความพร้อมเนื่องจากอุตสาหกรรมหุ่นยนต์เป็นรากฐานให้กับ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย First S-Curve ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่, อิเลกทรอนิกส์อัจฉริยะ, ท่องเที่ยว, เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และการแปรรูปอาหาร และ 5 อุตสาหกรรมใหม่ NewS – Curve ได้แก่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์, ขนส่งและการบิน, ดิจิทัล, เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ตลอดจนการแพทย์ครบวงจร ในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยประเทศไทยตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะมีการลงทุนรวมไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งรวมทั้งการร่วมทุนกับภาคเอกชนใน 5 โครงการหลักใน EEC ภายในเดือนกันยายน 2561 ประกอบด้วย โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (Aerotropolis), โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ, โครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3, โครงการท่าเรือมาบตะพุดระยะ 3 และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภามูลค่าลงทุนรวมทั้งหมด 400,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็ได้เร่งจัดทำแผนพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัยและเทคโนโลยี เพื่อป้อนแรงงานสำหรับพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของประเทศในพื้นที่ EEC ที่ต้องการสร้างขึ้นมาอีกกว่า 63,500 คน ภายใน 5 ปี เพื่อมารองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย และการยกระดับเศรษฐกิจไทยไปสู่การปฏิรูปอุตสาหกรรมยุคที่ 4 หรือIndustry 4.0 ทั้งนี้ทำให้มีความต้องการบุคลากรทางด้านออโตเมชั่นหุ่นยนต์เพิ่มมากขึ้น ได้เวลาแล้วที่ SME อุตสาหกรรมไทยต้องเร่งปรับตัว เพื่อเตรียมพร้อมสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 โดยไม่อาจละเลย ต้องมุ่งไปที่ผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งกิจการ หรือความต้องการปรับเปลี่ยนองค์กรของตนเองให้ก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้สำเร็จ

รศ. ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ภาคการศึกษาและเอสเอ็มอีของไทยต้องตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและบริบทของโลกที่เป็นไปรวดเร็ว ทำอย่างไรเอสเอ็มอีไทยจะใช้ระบบออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถ จากคุณค่าประโยชน์ที่ช่วยให้เอสเอ็มอีสามารถลดต้นทุนการผลิต เพิ่มคุณภาพและเพิ่มปริมาณการผลิตโดยไม่ต้องซื้อที่ดินสร้างโรงงานใหม่ แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน อีกทั้งช่วยประหยัดพลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสม และที่สำคัญคือ ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์จะเชื่อมโยงการสื่อสารข้อมูลแบบเรียลไทม์ ซึ่งทำให้สามารถใช้ข้อมูลมาบริหารจัดการอย่างเรียลไทม์  และการตัดสินใจด้วยประสิทธิภาพทันเหตุการณ์ นับเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจยุค 4.0

ผศ. ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ นายกสมาคมวิชาการหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย(TRS : Thai Robotics Society) กล่าวว่า ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์ ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 และไทยแลนด์ 4.0 แต่หากพิจารณาถึงอัตราส่วนการทดแทนแรงงานของหุ่นยนต์ต่อจำนวนแรงงาน 10,000 คน (robot density) ซึ่งประเทศไทยมีปริมาณการใช้หุ่นยนต์อยู่ในอันดับที่ 9-10 ของโลก โดยมีอัตราการใช้หุ่นยนต์อยู่ 50-60 ตัว ต่อจำนวนแรงงาน 10,000 คน ซึ่งค่าเฉลี่ยของอัตราการใช้หุ่นยนต์อยู่ที่ 66 ตัว ต่อจำนวนแรงงาน 10,000 คน และพบว่าในปี 2557 ประเทศไทยมีปริมาณนำเข้าหุ่นยนต์อุตสาหกรรมมากเป็นอันดับที่ 8 ของโลก เพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลนและจากความต้องการใช้ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อเพิ่มผลิตภาพทางด้านอุตสาหกรรม และเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มของการใช้หุ่นยนต์ในภาคบริการ สุขภาพการแพทย์และในบ้านมากขึ้นเพื่อรองรับสังคมสูงวัยในอนาคตด้วย

ข้อมูลจากสมาพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (ไอเอฟอาร์) (International Federation of Robotics :IFR) คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมที่จะนำหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์มาใช้งานเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมพลาสติก อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเครื่องจักรกล ซึ่งล้วนเป็นภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลาดหุ่นยนต์จะเติบโตต่อเนื่องในภูมิภาคเอเชีย ปริมาณซัพพลายของหุ่นยนต์เติบโตขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้ ในขณะที่ มีการคาดการณ์ว่า การติดตั้งหุ่นยนต์จะเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ โดยประเทศจีนจะเป็นตลาดหลักที่ผลักดันให้ตลาดหุ่นยนต์ของโลกเติบโต และคาดว่า จะมีปริมาณการติดตั้งหุ่นยนต์เพื่อใช้งานในประเทศจีนเป็นสัดส่วนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2562

ดร.สุรัฐ ขวัญเมือง ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การผลิตบุคลากรไทยตอบสนองความต้องการด้านออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ให้ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศไทยโดยมีการพัฒนาการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นวิทยาการควบคู่ทักษะการปฏิบัติ ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ทันสมัยที่กระตุ้นให้นักศึกษาใช้ความคิดสร้างสรรค์ต่อยอดเป็นนวัตกรรมได้ดียิ่งขึ้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้มีการจัดอบรมส่งนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ไปเรียนรู้ระบบออโตเมชั่นในภาคอุตสาหกรรม ที่เดลต้าฯ และจัดอบรมให้กับกลุ่ม SME สตาร์ทอัพเข้ามาศึกษาระบบ Automation ให้มากขึ้นเพื่อส่งเสริมงาน Innovation และสตาร์ทอัพให้เป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น

ในด้านอุปสรรคในการผลิตหุ่นยนต์ของประเทศไทยคือ การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศในภูมิภาคมีความแข็งแกร่ง และมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน เช่น จีน เกาหลี เวียดนาม ทำให้เกิดการแข่งขันทางด้านการค้าและต้นทุนมากขึ้น เป็นผลกระทบต่อการค้าและอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศไทย ควรลดภาษีอุปกรณ์ชิ้นส่วนที่ใช้ในอุตสาหกรรมออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ เช่น เซ็นเซอร์ ในด้านการพัฒนาบุคลากรควรพิจารณาผลตอบแทนสำหรับบัณฑิตที่จบการศึกษาระหว่างอาชีวศึกษา และอุดมศึกษาไม่ให้มีความแตกต่างกันมากนัก จะช่วยลดการสูญเสียบุคลากรที่มีศักยภาพไปยังองค์กรอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวิทยาการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ หรือไปเรียนต่อสาขาอื่น เป็นต้น

ตัวอย่าง 3 นวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีออโตเมชั่นและหุ่นยนต์ซึ่งนำมาแสดงในงาน ได้แก่ NAX เป็นหุ่นยนต์ที่ใช้ในการทดลองปฏิกิริยากับมนุษย์และพัฒนาเป็นหุ่นยนต์บริการและรักษาความปลอดภัย ซึ่งจำเป็นต่อวิถีชีวิตและธุรกิจยุค 4.0  Smart Farm Drone เป็นโดรนขนาดใหญ่สำหรับการดูแลสมาร์ทฟาร์ม โดรนสามารถบินพ่นปุ๋ยได้นาน 10 นาที ต่อเที่ยว ส่วน Inspection Drone เป็นโดรนสำรวจเพื่อการวิเคราะห์เชิงลึก โดยบันทึกภาพถ่ายทางอากาศที่เก็บรายละเอียด เช่น แปลงพืชเกษตร ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์ การทำนายผลผลิต ดูคุณภาพของพืชที่ปลูก และนำข้อมูลมาใช้บริหารจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

บันทึกการตั้งค่า