คณะวิศวฯ จุฬาฯ สถาบัน CBiS และ NIA จัดกิจกรรม “Green Innovation Forum” พร้อมเปิดตัวหลักสูตรออนไลน์ “Greentech & Innovation Program เทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียว”

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 ณ หอประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ สถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน (CBiS) ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) ภายใต้การสนับสนุนจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดกิจกรรม “Green Innovation Forum” พร้อมเปิดตัวหลักสูตรออนไลน์ “Greentech & Innovation Program เทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียว” อย่างเป็นทางการ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์กล่าวต้อนรับและกล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงาน และ ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ กล่าวเปิดงาน
กิจกรรมนี้เปิดพื้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคการศึกษา ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยเฉพาะสตาร์ตอัป ธุรกิจเพื่อสังคม และ SMEs ที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแนวคิด “ความยั่งยืน”
.
✨ ไฮไลต์สำคัญของงานนี้คือเวทีเสวนา 2 หัวข้อหลัก ได้แก่
1️⃣ “Greentech & Innovation: Shaping Global Policy for Sustainability เทคโนโลยีนวัตกรรมสีเขียวกับการขับเคลื่อนนโยบายระดับโลกสู่ความยั่งยืน” ดำเนินรายการโดย ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีคณะวิศวฯ จุฬาฯ และผู้อำนวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน
– เวทีนี้รวบรวมมุมมองจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคพลังงาน เพื่อถ่ายทอดแนวทางการปรับตัวของธุรกิจต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และกฎระเบียบใหม่
2️⃣ เวทีเสวนา “GreenTech in Action: Real World Innovation เทคโนโลยีสีเขียวสู่นวัตกรรมในโลกแห่งความเป็นจริง”
– นำเสนอกรณีศึกษาจากองค์กรชั้นนำที่นำนวัตกรรมสีเขียวไปใช้จริงในธุรกิจ สะท้อนถึงโอกาส ความท้าทาย และแนวทางสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
.
ภายในงานยังมีการเปิดตัว
หลักสูตร “Minor” เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนของนิสิต โดย รองศาสตราจารย์ ดร.เจนยุกต์ โล่ห์วัชรินทร์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
หนังสือ “บรรษัทภิบาลและความยั่งยืน” เพื่อสนับสนุนการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในโลกธุรกิจยุคใหม่ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ปิยะบุตร บุญอร่ามเรือง อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ
.
อีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญคือการเปิดตัวหลักสูตรออนไลน์
“Greentech & Innovation Program เทคโนโลยีและนวัตกรรมสีเขียว” ซึ่งมี ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล เป็นผู้อำนวยการหลักสูตร
– หลักสูตรนี้ออกแบบมาเพื่อปลุกพลังความรู้ และต่อยอดการลงมือทำจริง
สำหรับผู้ที่ต้องการขับเคลื่อนธุรกิจและสังคมด้วย “หัวใจสีเขียว”
พร้อมการเรียนรู้ 2 รูปแบบ
Academic Study โดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ
Case Study จากองค์กรจริง
สมัครเรียนฟรีได้แล้ววันนี้ที่
ร่วมผลักดันอนาคตประเทศไทยให้ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ด้วยองค์ความรู้ ทักษะ และพลังจากเครือข่ายผู้มี “หัวใจสีเขียว”

จุฬาฯ และกัลฟ์ สานต่อ Green Mission by Chula x GULF ภารกิจรักษ์ยั่งยืน ปีที่ 2 ชวนเยาวชนคิดค้นนวัตกรรมรับโลกเปลี่ยน สมัครได้วันนี้ถึง 31 ก.ค. 68

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถานีวิทยุแห่งจุฬาฯ ภายใต้กำกับดูแลของ สำนักงานวิทยทรัพยากร จุฬาฯ และบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (กัลฟ์) เดินหน้าสานต่อโครงการ Green Mission by Chula x GULF ภารกิจรักษ์ยั่งยืน ปีที่ 2 ภายใต้แนวคิด “Climate Change Adaptation: โลกเปลี่ยน เราปรับ” เพื่อเชิญชวนนักเรียนมัธยมปลายจากทั่วประเทศ ร่วมระดมความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มุ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจและเปิดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงศักยภาพในการเป็นนักคิดและนักสร้างสรรค์ รับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 กรกฎาคม 2568
งานแถลงข่าว วันที่ 13 มิถุนายน 2568 ณ หอประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ได้รับเกียรติจากผู้บริหาร วิทยากรและแขกรับเชิญพิเศษที่มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจและมอบความรู้ที่เป็นประโยชน์ ภายในงาน ศาสตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดี คณะวิศวฯ จุฬาฯ กล่าวรายงานถึงที่มาของโครงการ ดร.อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยทรัพยากร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุแห่งจุฬาฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการ นางสาวธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในการจัดโครงการ และ รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวฯ จุฬาฯ กล่าวเปิดงาน
.
นางสาวนารีรัตน์ พันธุ์มณี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้บรรยายพิเศษเพื่อแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย นับเป็นการปูพื้นฐานความรู้ที่เป็นประโยชน์สำหรับน้อง ๆ ในการคิดค้นนวัตกรรมต่อไป นอกจากนี้ ยังมีแขกรับเชิญพิเศษ คือ น้องไทย-ชญานนท์ ภาคฐิน สมาชิกวง BUS บอยแบนด์ชื่อดัง ที่มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์เกี่ยวกับการรักษ์โลก และจุดประกายพลังให้กับน้อง ๆ ผู้เข้าร่วมงานอีกด้วย
สำหรับการแข่งขันรอบ Fast Track ที่จัดขึ้นในงานแถลงข่าว ผลปรากฏว่า นายเจษฎากร นาคดิลก จากโรงเรียนสตรีสมุทรปราการ และนายภูรินท์ อินทุภูติ จากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา เป็น 2 คนที่ได้รับคะแนนสูงสุด คว้าสิทธิ์ในการจัดตั้งทีมเพื่อเข้าร่วม Bootcamp 4 วัน 3 คืน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ณ ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาฯ จังหวัดสระบุรี โดยในรอบชิงชนะเลิศ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องนำเสนอแนวคิดนวัตกรรมสุดสร้างสรรค์ที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงภายใต้โจทย์ที่กำหนด เพื่อตอบสนองต่อบริบทของโลกที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเร่งด่วน ทีมชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล พร้อมใบประกาศเกียรติคุณ และยังมีรางวัลพิเศษ Popular Vote by GULF สำหรับทีมขวัญใจชาวโซเชียล รวมมูลค่ารางวัลทั้งหมดกว่า 100,000 บาท
.
รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “สถานการณ์ภัยพิบัติในปัจจุบันมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและเชื่อมโยงโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเตรียมพร้อมรับมือจึงต้องเกิดจากความร่วมมือทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการเสริมสร้างศักยภาพให้กับเยาวชนผ่านกระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชุมชนและเชื่อมโยงสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง”
.
ศาตราจารย์ ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ปัญหาโลกร้อน (เดือด) ไม่ได้รอให้เราปรับตัว แต่เรียกร้องให้เรานำการเปลี่ยนแปลง — Green Mission คือโครงการที่จะนำพาความรู้และนวัตกรรมออกจากห้องเรียน ไปสู่ชุมชน และกลับเข้าหาหัวใจของการเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจเพื่อสังคม”
.
ดร.อมร เพชรสม ผู้อำนวยการสำนักงานวิทยทรัพยากร ผู้อำนวยการสถานีวิทยุแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “ทุกคนที่มาร่วมงานและโครงการนี้จะได้เกิดความตระหนักรู้ถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นำมาสู่แนวคิดในการสร้างนวัตกรรมลดผลกระทบจากภัยพิบัติ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในพื้นที่ชุมชนของตนเอง และนี่คือวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการในการบูรณาการความรู้และการจัดการ เพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากความร่วมมือของ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถานีวิทยุจุฬาฯ ภายใต้การบริหารงานของ สำนักงานวิทยทรัพยากร และบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ผสานพลังร่วมกันจัดโครงการและไม่ว่าทุกคนจะอยู่ในบทบาทไหน หน้าที่อะไร ก็สามารถที่จะเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ได้”
.
นางสาวธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า กลุ่มบริษัทกัลฟ์ยินดีที่ได้ร่วมสานต่อโครงการ Green Mission by Chula x GULF เป็นปีที่ 2 เป็นเวทีที่น้อง ๆ จะได้แสดงออกถึงศักยภาพอย่างเต็มที่ ทางกัลฟ์พร้อมสนับสนุนและผลักดันแนวคิดที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ ที่จะเป็นประโยชน์และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับโลก กัลฟ์เชื่อมั่นในศักยภาพและความสามารถของเยาวชนทุกคนในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความยั่งยืนในอนาคต โครงการนี้ยังสอดคล้องกับพันธกิจของกัลฟ์เรื่องการจัดการสภาพภูมิอากาศ เรามุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และสอดคล้องกับแผนการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับประเทศและระดับโลก
.
นายชญานนท์ ภาคฐิน สมาชิกวง BUS กล่าวว่า “วันนี้ไทยดีใจมากที่ได้มาร่วมเปิดงานโครงการ Green Mission by Chula x GULF ภารกิจรักษ์ยั่งยืน ปีที่ 2 ต้องขอบคุณ GULF ที่ชวนไทยมางานนี้ และให้โอกาสพี่ได้เจอกับน้องๆ คนรุ่นใหม่ที่เชื่อในพลังของการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกของเราครับ ทุกการทดลอง ทุกความคิดสร้างสรรค์คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า ขอร่วมส่งพลังแห่งกำลังใจ และอยากบอกอีกว่าดีใจมากๆ ที่ได้เห็นพลังคนรุ่นใหม่ที่มาร่วมกันระดมความคิดไอเดียสุดเจ๋งเพื่อโลกของเรา เพราะทุกคนคือพลังของวันพรุ่งนี้ครับ ขอบคุณทาง GULF และจุฬาฯ ที่จัดโครงการนี้เป็นพื้นที่ Sandbox ให้น้องๆ มีโอกาสได้คิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ครับ”
.
นักเรียนที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ Green Mission by Chula x GULF โดยกรอกใบสมัครผ่าน Google Form ได้ที่ https://bit.ly/4kt9j8T ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 กรกฎาคม 2568 รวมถึงศึกษารายละเอียดโครงการได้ที่เว็บไซต์ https://curadio.chula.ac.th/v2022/activity/detail/?1374 หรือสอบถามได้ที่เบอร์ ‪091-864-5923‬
#ChulaEngineering #วิศวจุฬา #Chula #112ปีวิศวจุฬา #ChulaRadioPlus #GULF #GulfEnergy #GulfSPARK #GreenMission #ClimateChange #ภารกิจรักษ์ยั่งยืน #GreenMission2025 #GULFDevelopment #greenmissionwithgulf #GoGreenMissionWithGULFxBUS

จุฬาฯ จัดการบรรยาย “การใช้งาน ChulaGENIE และการใช้งาน Google Agentspace” ภายใต้โครงการ Hackathon for Growth: AI Together เติบโตและเรียนรู้ AI ไปด้วยกัน

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ศูนย์ปัญญาประดิษฐ์แห่งจุฬาฯ และสํานักบริหารทรัพยากรมนุษย์ จัด “โครงการ Hackathon for Growth: AI Together เติบโตและเรียนรู้ AI ไปด้วยกัน” เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิคได้มีโอกาสเรียนรู้ว่า AI ที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัยขณะนี้สามารถนําไปใช้ในงานประจําของตนได้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของจุฬาฯ ในการเป็น “University of AI” สร้างบุคลากรที่มีความพร้อมในการนําเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปประยุกต์ใช้ในงานต่าง ๆ ทั้งในการเรียนการ สอน การวิจัย การบริการ และการบริหารจัดการ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้มีการพัฒนาและนําเครื่องมือ AI หลากหลายรูปแบบมาใช้ภายในองค์กร เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทํางาน
โครงการ Hackathon for Growth: AI Together เติบโตและเรียนรู้ AI ไปด้วยกันนี้ จะมีทั้งรูปแบบการบรรยาย ฝึกปฏิบัติและกิจกรรม Hackathon ที่ไม่เน้นการแข่งขันทางเทคนิค แต่เน้นการเปิดโอกาสให้บุคลากรทั้งสายวิชาการและสายปฏิบัติการได้ใช้เครื่องมือ AI ที่เน้นการใช้งานจริง ได้แก่ การพัฒนา Chatbot บนแพลตฟอร์ม ChulaGENIE และการใช้งานระบบ GOOGLE AGENTSPACE ซึ่งเป็นเครื่องมือสําคัญในการสร้างระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ผ่านโจทย์จริงของการทํางาน พร้อมการให้คําแนะนําโดยวิทยากรและโค้ชที่เข้าใจการเปลี่ยนผ่านของคนทํางานในองค์กร มาสร้างสรรค์ Chatbot และ Workflow ที่สามารถแก้ไขปัญหาหรือตอบโจทย์ความต้องการของหน่วยงานและผู้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 ทางโครงการฯ ได้จัดการบรรยาย “การใช้งาน ChulaGENIE และการใช้งาน Google Agentspace” ณ หอประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.คณพล จันทน์หอม รองอธิการบดี กล่าวเปิดงาน จากนั้น นายโภไคย ศรีรัตโนภาส ผู้ช่วยอธิการบดี ได้มาแนะนำโครงการฯ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกพล ช่วงสุวนิช ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และรองผู้อํานวยการศูนย์ปัญญาประดิษฐ์แห่งจุฬาฯ มาพูดคุย เรื่อง “Applying AI in Real-Life Work (พลัง AI ที่ใช้ในงานจริง)” และ “GENIE: เพื่อนคู่คิด มิตรคู่ใจ ที่จะช่วยให้ชีวิตในจุฬาฯ ง่ายขึ้น” ปิดท้ายด้วยการพูดคุยกับคุณเอกราช กลิ่นบุบผา AI Sales Specialist, Google Cloud Thailand ในเรื่อง “การใช้งาน Google Agentspace” มีอาจารย์ ดร.วรรษยุต คงจันทร์ คณะนิเทศศาสตร์เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยโครงการ Hackathon for Growth: AI Together เติบโตและเรียนรู้ AI ไปด้วยกันนี้ มี รองศาสตราจารย์ ดร.อติวงศ์ สุชาโต รองคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นที่ปรึกษาโครงการฯ
.
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนบุคลากรจุฬาฯ เข้าร่วมกิจกรรม Hackathon โดยใช้เครื่องมือ ChulaGENIE และ Google Agentspace ชิงเงินรางวัลกว่า 400,000 บาท และร่วมการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “การใช้งาน Google Agentspace” วันที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 -12.00 น. ณ ห้องโถงกลาง ตึกจุฬาพัฒน์ 4 ชั้น 3 และการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ “การใช้งาน ChulaGENIE” วันที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 13.00 -16.00 น. ณ ห้องโถงกลาง ตึกจุฬาพัฒน์ 4 ชั้น 3
รายละเอียเพิ่มเติม https://www.hrm.chula.ac.th/th/38260/2025-05-26
#ChulaEngineering #วิศวจุฬา #Chula #112ปีวิศวจุฬา #HackathonforGrowth #AITogether #ChulaGENIE #GoogleAgentspace

Chulalongkorn University Exploring Collaborative Opportunities with MIT

Chulalongkorn University Strengthens Ties with MIT: Exploring Collaborative Opportunities in Engineering, Management, and Innovation
.
On June 5th, 2025, Assoc. Prof. Wilert Puriwat, President of Chulalongkorn University, led a high-level delegation on an official visit to the Massachusetts Institute of Technology (MIT). The group was warmly welcomed by Prof. Sally Kornbluth, President of MIT, and Prof. Duane S. Boning, Vice Provost for International Activities.
.
The meeting provided an opportunity for the leadership of both institutions to explore potential academic and research collaborations. On this occasion, President Wilert Puriwat also presented a token of appreciation to Prof. Kornbluth in recognition of MIT’s warm hospitality.
.
Among the Chulalongkorn delegation were Assoc. Prof. Witaya Wannasuphoprasit, Dean of the Faculty of Engineering, and executives from the Faculty, who joined the visit to engage in discussions specifically related to engineering and interdisciplinary cooperation.
.
During the visit, the delegation also met with representatives from the MIT Sloan School of Management, led by Prof. Georgia Perakis, Interim John C Head III Dean. After fruitful discussions, the group toured the Sloan School’s facilities.
.
The delegation then proceeded to the MIT School of Engineering for a meeting with Prof. Maria Yang, Deputy Dean of the School, followed by a tour of the school’s laboratories, showcasing innovations in engineering and technology.
.
To conclude the visit, the Chulalongkorn team had a meaningful exchange with members of the MIT Leaders for Global Operations (LGO) alumni community and former Chulalongkorn University students currently pursuing their studies at MIT, reaffirming the strong academic linkages between the two institutions.
.

คณะอนุกรรมการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ (TABEE) สภาวิศวกร ได้รับรองหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ และหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโลหการและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามีการจัดการมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ตามเกณฑ์ผลลัพธ์ (Outcome based) ในปีการศึกษา 2567 – 2569

คณะอนุกรรมการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ (Thailand Accreditation Body for Engineering Education: TABEE) สภาวิศวกร ได้รับรองหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ และหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโลหการและวัสดุ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ามีการจัดการมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ตามเกณฑ์ผลลัพธ์ (Outcome based) ในปีการศึกษา 2567 – 2569
.
TABEE ได้รับการรับรองเข้าเป็นสมาชิกชั่วคราว (Provisional member) ของข้อตกลง Washington Accord เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 และอยู่ระหว่างกระบวนการสมัครสมาชิกระดับร่วมลงนาม (Signatory member)
.
Washington Accord เป็นข้อตกลงร่วมกันระดับสากลระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ เช่น ABET (สหรัฐอเมริกา) ECUK (สหราชอาณาจักร) JABEE (ญี่ปุ่น) ABEEK (เกาหลี) ฯลฯ เพื่อเป็นกรอบคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์สำหรับการเคลื่อนย้ายวิศวกรในระดับนานาชาติ
.
เมื่อหน่วยงานที่ได้รับการตอบรับในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกในข้อตกลง Washington Accord แล้ว ทำให้หลักสูตรที่ได้รับการรับรองเป็นที่ยอมรับว่าหลักสูตรนั้นมีมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์และคุณภาพการศึกษาจากประเทศสมาชิกกลุ่ม Washington Accord และผู้สำเร็จการศึกษามีความรู้ความสามารถทางวิศวกรรมที่สอดคล้องกับข้อกำหนดของการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมข้ามชาติ

งาน Chula – MIT LGO Open House จุฬาฯ เปิดบ้านแนะนำหลักสูตรปริญญาโทความร่วมมือระดับนานาชาติ จุฬาฯ กับ MIT LGO โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ

งาน Chula – MIT LGO Open House
จุฬาฯ เปิดบ้านแนะนำหลักสูตรปริญญาโทความร่วมมือระดับนานาชาติ จุฬาฯ กับ MIT LGO
โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ
คณะวิศวกรรมศาสตร์และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ และ MIT LGO (MIT Leaders for Global Operations) โดยการสนับสนุนของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จัดงาน Chula MIT – LGO Open House เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ณ ห้อง Yulania IV-VI ชั้น 9 โรงแรม Waldorf Astoria Bangkok โดยมี ศ. ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ เป็นผู้กล่าวต้อนรับ คุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้กล่าวเปิดงาน จากนั้นเป็นการแนะนําหลักสูตร Chula – MIT LGO โดย Prof. Thomas Roemer, Executive Director, Leaders for Global Operations Program กล่าวแนะนําหลักสูตร และดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสําคัญของความร่วมมือกับภาคธุรกิจ โดยผู้บริหารคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้แก่ รศ. ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดี รศ. ดร.เสวกชัย ตั้งอร่ามวงศ์ รองคณบดี ผศ. ดร.ชาญณรงค์ บาลมงคล ผู้ช่วยคณบดี และ รศ. ดร.จรัสรัก วิภาวกิจ ผู้ช่วยคณบดี เข้าร่วมงาน
.
งาน Chula MIT – LGO Open House จัดขึ้นโดยมีมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลหลักสูตร Chula MIT – LGO ซึ่งเป็นหลักสูตรปริญญาโทที่มุ่งพัฒนาผู้นําระดับโลกในด้านวิศวกรรมและการจัดการ โดยความร่วมมือระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับ MIT Leaders for Global Operations (MIT LGO) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนําที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงโอกาสในการร่วมมือกับภาคธุรกิจ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและสร้างโอกาสในการสร้างนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
.
เปิดรับสมัครสำหรับภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา 2568 ติดตามรายละเอียดได้เร็ว ๆ นี้

จุฬาฯ โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ กฟผ. ถอดบทเรียนจากสเปน–โปรตุเกส 2025 สู่แนวทางออกแบบระบบพลังงานอย่างสมดุล รับมือโลกที่ไม่แน่นอน

“ไฟดับครั้งใหญ่ในยุโรป: จุดเปลี่ยนของความมั่นคงพลังงาน”
.
จุฬาฯ โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ กฟผ. ถอดบทเรียนจากสเปน–โปรตุเกส 2025 สู่แนวทางออกแบบระบบพลังงานอย่างสมดุล รับมือโลกที่ไม่แน่นอน
.
.
ภายหลังเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในประเทศสเปนและโปรตุเกสช่วงต้นปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนหลายล้านคน ธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และระบบโครงข่ายไฟฟ้าทั่วคาบสมุทรไอบีเรีย กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่สะท้อนความเปราะบางของระบบพลังงานยุโรปภายใต้สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ดังนั้น ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอง จึงจำเป็นต้องหันกลับมาทบทวนระบบโครงข่ายไฟฟ้าของตนเองอย่างจริงจัง
.
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน สถาบันวิจัยพลังงาน ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงได้จัดการบรรยาย “ไฟดับครั้งใหญ่ในยุโรป: บทเรียนจากสเปน–โปรตุเกส 2025 และแนวทางรับมือและออกแบบระบบพลังงานอย่างสมดุล” เพื่อร่วมกันถอดบทเรียนเชิงลึกจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เพื่อประเมินความเปราะบางของระบบพลังงานในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเชื่อมโยงผลกระทบจาก Climate Anomaly กับความมั่นคงของระบบโครงข่ายไฟฟ้า สู่แนวทางการออกแบบระบบพลังงานที่ยืดหยุ่น สมดุลยิ่งขึ้นสำหรับอนาคต ณ ห้องทรูแลป คณะวิศวฯ จุฬาฯ โดยมี รศ. ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวเปิดงาน และได้รับเกียรติจาก คุณธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดร.พิมพ์สุภา เกาะช้าง นักวิจัยชำนาญการ สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาฯ รศ. ดร.สุรชัย ชัยทัศนีย์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวฯ จุฬาฯ เป็นวิทยากร และ ศ. ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดี และผู้อำนวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน คณะวิศวฯ จุฬาฯ เป็นผู้ดำเนินรายการ
.
รศ. ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ประธานจัดงาน กล่าวถึงเป้าหมายของการจัดงานในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฟัง แต่เปลี่ยน มุ่งหวังให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งผู้กำหนดนโยบาย วิศวกร นักวิจัย และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันออกแบบระบบพลังงานไทยให้สามารถรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอนได้อย่างสมดุล ยั่งยืน และมีศักยภาพในการฟื้นตัวอย่างแท้จริง
.
ศ. ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดี และผู้อำนวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน คณะวิศวฯ จุฬาฯ กล่าวว่า การสัมมนาวิชาการภายใต้หัวข้อ “ไฟดับครั้งใหญ่ในยุโรป: บทเรียนจากสเปน–โปรตุเกส 2025 และแนวทางรับมือและออกแบบระบบพลังงานอย่างสมดุล ที่จัดขึ้นนี้เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้จากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริง โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 4 ประการ คือ
1. ถอดบทเรียนจากเหตุการณ์ไฟดับในสเปน–โปรตุเกสปี 2025 ทั้งในมิติเทคนิคและปรากฏการณ์ภูมิอากาศ
2. ประเมินความเปราะบางของระบบพลังงานในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
3. เสนอแนวทางออกแบบระบบพลังงานที่มีความยืดหยุ่นและฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ส่งเสริมความตระหนักรู้ในระดับผู้กำหนดนโยบาย วิศวกร นักวิจัย และสาธารณชน เพื่อเตรียมพร้อมและพัฒนานโยบายเชิงป้องกันในระดับประเทศและภูมิภาค
.
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้รับความรู้เชิงลึกจากกรณีศึกษาจริง พร้อมแนวทางการออกแบบระบบพลังงานที่สามารถฟื้นตัวได้ในภาวะวิกฤต และยังสามารถนำบทเรียนไปปรับใช้ในบริบทของไทยและภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ – บทเรียนจากเหตุการณ์จริง: ปัจจัยเทคนิค และภูมิอากาศสุดขั้ว
.
จากการวิเคราะห์เชิงเทคนิค เหตุการณ์ไฟดับในคาบสมุทรไอบีเรียครั้งนี้เกิดจากความซับซ้อนของหลายปัจจัย ทั้งการขาดความยืดหยุ่นในโครงข่ายไฟฟ้า การพึ่งพาพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนสูง โดยไม่มีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) ที่เพียงพอ รวมถึงสภาพอากาศสุดขั้ว (Climate Anomaly) ที่ก่อให้เกิดคลื่นความร้อนและลมแรงผิดปกติ ส่งผลให้สายส่งไฟฟ้าเสียหายเป็นวงกว้างในเวลาอันสั้น เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายของระบบพลังงานยุคใหม่ ที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนจากทั้งธรรมชาติและโครงสร้างระบบที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน
.
– ระบบพลังงานกับสภาพภูมิอากาศ: เมื่อ Climate Resilience กลายเป็นเรื่องจำเป็น ภายใต้บริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นในทุกภูมิภาค ระบบพลังงานไม่อาจพึ่งพาความเสถียรแบบเดิมได้อีกต่อไป ความสามารถในการฟื้นตัว (resilience) และความยืดหยุ่นของโครงข่ายจึงเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบระบบพลังงานในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่กำลังเร่งเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างไทยและอาเซียน
.
แนวทางรับมือและออกแบบระบบพลังงานแห่งอนาคต: สมดุล – ยืดหยุ่น – ฟื้นตัวได้
.
จากบทเรียนของยุโรปชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการลงทุนเชิงระบบ เช่น การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้า (Grid Modernization) ให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์สุดขั้ว การพัฒนาและกระจายการใช้ระบบกักเก็บพลังงาน การจัดสรรสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอย่างมีแผน ควบคู่กับพลังงานสำรอง และการสร้างระบบเตือนภัยและฟื้นฟูระบบอย่างรวดเร็วเมื่อเกิด blackout
.
การถอดบทเรียนครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานหลักของไทยร่วมแลกเปลี่ยน ทั้งในมิติวิชาการ วิศวกรรม และนโยบาย โดย
– คุณธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่มีระบบไฟฟ้ามั่นคง เพราะว่าการวางแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศไทยครอบคลุมถึงกำลังผลิตไฟฟ้าและระบบส่งไฟฟ้าที่เหมาะสมเพียงพอกับความต้องการไฟฟ้าในรายภูมิภาค ที่ผ่านมา กฟผ. ได้มีการพัฒนาโครงข่ายระบบส่งไฟฟ้าระดับแรงดัน 500 เควี ให้เป็นแกนหลักในการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าระหว่างภูมิภาค เพื่อเสริมความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าของประเทศ ขณะที่ด้านวางแผนด้านปฏิบัติการ (Operation Planning) ในการผลิตและส่งไฟฟ้า กฟผ. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการควบคุมระบบไฟฟ้า เพื่อรักษาระดับของการผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าให้มีความเพียงพอกับความต้องการใช้ไฟฟ้า รวมถึงพิจารณาความมั่นคงระบบไฟฟ้ารองรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยการเตรียมความพร้อมกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่ายใน 3 ระดับ ประกอบด้วย
1) กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่ายทันที (Spinning Reserve) สามารถสั่งเพิ่มการผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าได้ทันทีที่ระบบมีความต้องการ ปัจจุบันกำหนดให้มีค่าไม่น้อยกว่า 800 เมกะวัตต์ ทุกช่วงเวลา (ปริมาณเท่ากับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในระบบ)
2) กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่าย 5 นาที (Five Minutes Response Reserve) สามารถตอบสนองได้ภายในเวลา 5 นาที ในช่วงที่ระบบไฟฟ้ามีการเปลี่ยนแปลงความต้องการใช้ไฟฟ้า หรือเหตุการณ์ที่ความถี่ของระบบไฟฟ้าลดลงไปจากค่าปกติ ปัจจุบันกำหนดให้มีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองอย่างน้อย 750 เมกะวัตต์
3) กำลังผลิตไฟฟ้าสำรองพร้อมจ่าย (Operational Reserve) สามารถสั่งเดินเครื่องเพิ่มหรือขนานเครื่องเพิ่มการผลิตจากโรงไฟฟ้าที่มีความพร้อมเริ่มเดินเครื่อง ให้ส่งจ่ายไฟฟ้าหากระบบมีความต้องการ เพื่อรองรับหากเกิดเหตุการณ์ขัดข้อง ป้องกันปัญหาไฟดับ
.
ปัจจัยแนวโน้มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มมากขึ้นทั่วโลกและเหตุการณ์ไฟฟ้าดับที่ยุโรปชี้ให้เห็นว่า เมื่อระบบไฟฟ้ามีผลของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นตามทิศทางการมุ่งสู่ในเรื่องพลังงานสีเขียว ดังนั้น ต้องพัฒนาระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงเพิ่มทั้งในด้านโรงไฟฟ้าหลัก ในการควบคุมการส่งจ่ายไฟฟ้าในภูมิภาคและโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เพื่อสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และบริหารจัดการกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนเกิน โดยนำพลังงานไฟฟ้ากลับมาใช้ในช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง รวมถึงเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (BESS) ที่มี Response Time เร็ว และการใช้อุปกรณ์เสริมแรงดันด้วย Reactive Power เช่น FACTS Device เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าดับบริเวณกว้างในประเทศไทย ทั้งนี้ กฟผ. ในฐานะที่ดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าจะวางแผนและดูแลระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงอย่างต่อเนื่องต่อไป
.
– รศ. ดร.สุรชัย ชัยทัศนีย์ ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวในมุมมองเชิงวิชาการ เหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ในสเปนและโปรตุเกสเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ได้สร้างบทเรียนสำคัญให้กับระบบไฟฟ้าทั่วโลก โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยที่กำลังเดินหน้าสู่พลังงานสะอาด เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเมื่อระบบไฟฟ้ามีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนสูงถึง 50-70% อาจจะมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าได้
.
สำหรับประเทศไทยที่ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในอนาคต การเตรียมความพร้อมจึงเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งในด้านการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS), เทคโนโลยี Smart Grid, รวมถึงการปรับปรุง Grid Code และนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถรองรับการผลิตไฟฟ้าของพลังงานหมุนเวียนในสัดส่วนที่สูงขึ้นได้
.
นอกจากนี้ การขยายตัวของพลังงานหมุนเวียนยังส่งผลต่อโครงสร้างต้นทุนของระบบไฟฟ้าโดยรวม เนื่องจากความไม่แน่นอนของการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์และลม อาจทำให้ต้องพึ่งพาโรงไฟฟ้าสำรองหรือระบบกักเก็บพลังงานมากขึ้น ซึ่งอาจจะพิจารณาได้เป็นส่วนหนึ่งของ Ancillary Services ซึ่งย่อมกระทบต่อค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคง ดังนั้น นอกจากการลงทุนในเทคโนโลยีแล้ว ประเทศไทยจำเป็นต้องพิจารณาปรับนโยบายและกลไกตลาดไฟฟ้าให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงทางพลังงาน ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และราคาค่าไฟฟ้า
.
– ดร.พิมพ์สุภา เกาะช้าง นักวิจัยชำนาญการ สถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาฯ เสนอแนวทางเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าไทย ควบคู่เป้าหมายพลังงานสะอาด
.
จากเหตุการณ์ไฟฟ้าดับในยุโรป เป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนถึงความจำเป็นในการออกแบบระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ได้อย่างมั่นคงในระยะยาว โดยเสนอให้มีแผน Energy Resilience Roadmap ที่ครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีสนับสนุน เช่น ระบบกักเก็บพลังงานและกลไกสร้างเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า พร้อมเปิดรับทางเลือกด้านพลังงานที่เหมาะสมกับบริบทของไทย เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านอย่างปลอดภัยและยั่งยืน
.
ท้ายนี้ จากการจัดงานครั้งนี้ คณะวิศวฯ จุฬาฯ หวังว่าจากกรณีศึกษาด้านพลังงาน ความมั่นคง และการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เราจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับบริบทของไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

จุฬาฯ ร่วมมือช่อง 7HD ขับเคลื่อนความรู้สู่สังคม เปิดตัวรายการ “THE CRACK HUNTER หน่วยล่ารอยร้าว” ต่อยอดการสื่อสารความปลอดภัยหลังแผ่นดินไหว

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ และศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาฯ ร่วมกับ ช่อง 7HD เปิดตัวรายการ “THE CRACK HUNTER หน่วยล่ารอยร้าว” ณ เรือนจุฬานฤมิต โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการตรวจสอบและซ่อมแซมอาคารหลังเหตุแผ่นดินไหว ผ่านการทำงานจริงของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ
ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ไปสู่สาธารณะ โดยใช้พลังของสื่อกระแสหลักเป็นเครื่องมือสำคัญ รายการ “THE CRACK HUNTER” จึงเป็นหนึ่งในหลายโครงการที่จุฬาฯ ร่วมกับพันธมิตรภายนอก เพื่อแปลงองค์ความรู้ให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นอย่างเข้าใจง่าย
.
ในงานเปิดตัวได้รับเกียรติจาก ศ. ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาฯ คุณพัฒนพงค์ หนูพันธ์ บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด (ช่อง 7HD) รศ. ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวฯ จุฬาฯ รศ. ดร.เสวกชัย ตั้งอร่ามวงศ์ รองคณบดีคณะวิศวฯ จุฬาฯ และคณะผู้บริหารจุฬาฯ เข้าร่วม พร้อมแลกเปลี่ยนแนวคิดเบื้องหลังการสื่อสารความรู้สู่สาธารณะ ผ่านตัวอย่างรายการที่จัดทำขึ้น
.
รายการ THE CRACK HUNTER หน่วยล่ารอยร้าว เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 111 ปีแห่งการสถาปนาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นรายการ Edutainment ที่จะนำผู้ชมเปิดโลกแห่งวิศวกรรมโยธาและการฟื้นฟูอาคารหลังภัยพิบัติ โดยทีมวิศวกรมากประสบการณ์ คณาจารย์และนิสิตวิศวฯ จุฬาฯ พร้อมทั้งมอบความรู้ที่จะนำไปปฏิบัติได้จริง และแรงบันดาลใจแก่ผู้ชม
.
ศ. ดร.วิเลิศ ภูริวัชร กล่าวว่า “ความร่วมมือในลักษณะนี้ คือหัวใจของการนำองค์ความรู้มหาวิทยาลัยออกไปสร้างประโยชน์ให้กับสังคม การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพคือเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างความเข้าใจ ความเชื่อมั่น และการเตรียมพร้อมของประชาชนต่อภัยพิบัติหรือความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น”
.
คุณพัฒนพงค์ หนูพันธ์ กล่าวว่า “ช่อง 7HD ในฐานะสื่อมวลชน ที่ทำหน้าที่นำเสนอเรื่องราวที่ให้ประโยชน์ต่อสังคมเรายินดีอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ส่งรายการใหม่ที่ให้สาระความรู้เรื่องราวสถานการณ์ในปัจจุบันจากกรณีที่ประเทศไทยของเราเพิ่งผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวในหลายพื้นที่
ซึ่งเป็นองค์ความรู้จากวิศวฯ จุฬาฯ ที่นำมาใช้จริงจับต้องได้ ติดตามรับชมรายการใหม่ “THE CRACK HUNTER หน่วยล่ารอยร้าว” ผลิตในรูปแบบ Edutainment จำนวน 8 ตอน รับชมได้ทางช่อง 7HD กด 35 และทางออนไลน์ Bugaboo.TV ทุกวันเสาร์ และ อาทิตย์ เวลา 17.30-18.00 น. เริ่มวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมนี้เป็นตอนแรก”

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และร่วมมือมาตรฐานความเป็นกลางทางคาร์บอน มาตรฐานความยั่งยืนและมาตรฐานด้านวิศวกรรม ระหว่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ กับ บริษัท บูโร เวอริทัส ประเทศไทย จำกัด

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.วิชิต โสภิตานนท์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูโร เวอริทัส ประเทศไทย จำกัด ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ฯ ระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ กับ บริษัท บูโร เวอริทัส ประเทศไทย จำกัด โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.เสวกชัย ตั้งอร่ามวงศ์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คุณศราวุธ ศุภรัตนชาติพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจการรับรอง พร้อมด้วยผู้บริหาร คณาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ผู้บริหาร บริษัท บูโร เวอริทัส ประเทศไทย จำกัด ร่วมเป็นสักขีพยาน
.
การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันในการพัฒนารายวิชา และเผยแพร่องค์ความรู้ ด้านมาตรฐานความเป็นกลางทางคาร์บอน มาตรฐานความยั่งยืน และมาตรฐานด้านวิศวกรรม ที่เหมาะสมกับการพัฒนาของกลุ่มพันธมิตรทางธุรกิจ และเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและบูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาและเตรียมความพร้อมให้แก่นิสิตและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสู่การพัฒนาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต

INTANIA TALK: เตรียมพร้อมและรับมือภัยพิบัติ 3 ตอน โดยคณะวิศวฯ จุฬาฯ

INTANIA TALK โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
.
เตรียมพร้อมและรับมือภัยพิบัติ 3 ตอน
– ตอนที่ 1 เตรียมพร้อมรับมือแผ่นดินไหว: ปกป้องตัวเองและที่พัก
– ตอนที่ 2 ตรวจสอบความปลอดภัยหลังแผ่นดินไหว: ก้าวแรกสู่การฟื้นฟู
– ตอนที่ 3 วิศวกรรมโครงสร้างกับแผ่นดินไหว: เทคโนโลยีเพื่อความมั่นคง
.
โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ณัฏฐ์ ลีละวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ
และรองศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรพันธ์ จินตนาภักดี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา
หน่วยปฏิบัติการวิจัยระบบสารสนเทศการจัดการภัยพิบัติและความเสี่ยง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ
ศูนย์วิจัยแผ่นดินไหวแห่งชาติ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
.
รับชมผ่านช่องยูทูป https://www.youtube.com/@chulaengineering3925
.
#ChulaEngineering #วิศวจุฬา #Chula #111ปีวิศวจุฬา #Intania #INTANIATALK #แผ่นดินไหว #ภัยพิบัติ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

บันทึกการตั้งค่า