พิธีลงนามความร่วมมือระหว่างคณะวิศวฯ จุฬาฯ และ บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ในด้านการพัฒนา ส่งเสริม และสร้างบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบวงจรรวม

เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2567 ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ดร.บดินทร์ เกษมเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ในด้านการพัฒนา ส่งเสริม และสร้างบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบวงจรรวม โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.แนบบุญ หุนเจริญ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า และคณาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าร่วมเป็นสักขีพยาน

คณะวิศวฯ จุฬาฯ ขอแสดงความยินดีกับคณาจารย์คณะวิศวฯ ในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในทีมผู้บริหารชุดใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2567 – 2571

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอแสดงความยินดีกับคณาจารย์คณะวิศวฯ ในโอกาสที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในทีมผู้บริหารชุดใหม่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2567 – 2571 ดังนี้
– รองศาสตราจารย์ ดร.มาโนช โลหเตปานนท์ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนรองอธิการบดี ด้านกายภาพ และไอที
– รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยเชษฐ์ สายวิจิตร ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนผู้ช่วยอธิการบดี ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
– รองศาสตราจารย์ ดร.วิทิต ปานสุข ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนผู้ช่วยอธิการบดี ด้านงานกายภาพ การรักษาความปลอดภัยและการจัดการจราจร
– อาจารย์ ดร.จรัสพัฒน์ พฤกษารัตนวุฒิ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนผู้ช่วยอธิการบดี ด้านการจัดการทรัพย์สิน

ประกาศผู้ได้รับรางวัล “ศักดิ์อินทาเนีย” พ.ศ. 2567

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดดำเนินงานโครงการรางวัล “ศักดิ์อินทาเนีย” พ.ศ. 2567 เพื่อประกาศเกียรติคุณแก่บุคลากรที่มีความสามารถ มีผลการดำเนินงานโดดเด่น เป็นแบบอย่างที่น่ายกย่องสอดคล้องกับค่านิยมหลักขององค์กร (Core Value) และสมควรได้รับการเชิดชูเกียรติ โดยมีรายชื่อผู้สมควรได้รับรางวัล “ศักดิ์อินทาเนีย” พ.ศ. 2567 จำนวน 9 ราย ดังนี้

1. ประเภทบุคลากรสายวิชาการ

1.1 รางวัลด้านการกระตุ้นสร้างนวัตกรรม (N : Nudge Innovation) จำนวน 2 ราย คือ
– อาจารย์ ดร.จรัสพัฒน์ พฤกษารัตนวุฒิ ภาควิชาวิศวกรรมโลหการ
– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐวุฒิ หนูไพโรจน์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์

1.2 รางวัลด้านการก้าวนำการเปลี่ยนแปลง (O : Overcome Changes) จำนวน 1 ราย คือ
– รองศาสตราจารย์ ดร.สุธา ขาวเธียร ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม

1.3 รางวัลด้านการพร้อมร่วมแรงสู่ความยั่งยืน (W : Work Together) จำนวน 1 ราย คือ
– รองศาสตราจารย์ ดร.วิทิต ปานสุข ภาควิชาวิศวกรรมโยธา

2. ประเภทบุคลากรสายปฏิบัติการ

2.1 รางวัลด้านการกระตุ้นสร้างนวัตกรรม (N : Nudge Innovation) จำนวน 1 ราย คือ
– นายอนุพงศ์ วงศ์จำปา ภารกิจบริหารและธุรการ ด้านสื่อสารองค์กรและวิรัชกิจ

2.2 รางวัลด้านการก้าวนำการเปลี่ยนแปลง (O : Overcome Changes) จำนวน 2 ราย คือ
– นางขนิษฐา รัศมิทัต ภารกิจบริหารและธุรการ ด้านสารบรรณและสำนักคณบดี
– น.ส.สุนันทา บุญสิงห์ ภารกิจบริหารคุณภาพองค์กร

2.3 รางวัลด้านการพร้อมร่วมแรงสู่ความยั่งยืน (W : Work Together) จำนวน 2 ราย คือ
– น.ส.มโนทัย ศรีละออ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
– นายจรัญ สุขเกษม ภารกิจบริหารระบบกายภาพ

โดยจะเข้ารับรางวัล “ศักดิ์อินทาเนีย” พ.ศ. 2567 ในงานครบรอบ 111 ปี แห่งการสถาปนาคณะวิศวฯ จุฬาฯ ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567

 

 

พิธีเปิดค่ายฟันเฟืองสานฝันครั้งที่ 23 ณ โรงเรียนเทพาลัย ต.เทพาลัย อ.คง จ.นครราชสีมา

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ผู้ช่วยศาตราจารย์ ดร.สุรัฐ ขวัญเมือง ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายกิจการนิสิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมค่ายฟันเฟือง ครั้งที่ 23 ณ โรงเรียนเทพาลัย ต.เทพาลัย อ.คง จ.นครราชสีมา
.
ค่ายฟันเฟืองสานฝัน ครั้งที่ 23 เป็นค่ายสอนหนังสือ สร้างความรู้ความเข้าใจ แนะแนวทางในการศึกษาต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับน้อง ๆ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จัดโดย นิสิตชมรมวิชาการ คณะวิศวฯ จุฬาฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-31 พฤษภาคม 2567 โดยปีนี้มีน้อง ๆ ม.ปลายเข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 73 คน

 

งานแถลงผลงานโครงการประเมินและวิเคราะห์ความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานครด้วยมาตรฐานนานาชาติ (iRAP) โดย สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ร่วมมือกับ ThaiRAP คณะวิศวฯ จุฬาฯ

งานแถลงผลงานโครงการประเมินและวิเคราะห์ความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานครด้วยมาตรฐานนานาชาติ (iRAP) โดย สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ร่วมมือกับ ThaiRAP คณะวิศวฯ จุฬาฯ

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2567 นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการแถลงผลงานโครงการประเมินและวิเคราะห์ความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานคร ด้วยมาตรฐานนานาชาติ (iRAP) โดยมี นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อํานวยการสำนักการจราจรและขนส่ง ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศาสตราจารย์ ดร.เกษม ชูจารุกุล รองคณบดี และผู้จัดการศูนย์ความเป็นเลิศ ThaiRAP รองศาสตราจารย์ ดร.เสวกชัย ตั้งอร่ามวงศ์ ผู้ช่วยคณบดี คณะวิศวฯ จุฬาฯ ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ร่วมงานแถลงข่าว ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร
.
สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมมือกับหน่วยงาน ThaiRAP ภายใต้คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงานแถลงผลงานโครงการประเมินและวิเคราะห์ความปลอดภัยทางถนนกรุงเทพมหานครด้วยมาตรฐานนานาชาติ (iRAP) โดยโครงการมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1. สร้างความรู้ความเข้าใจเกณฑ์การประเมินความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล (iRAP) ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
2. วิเคราะห์ลำดับความสำคัญของโครงข่ายถนนกรุงเทพมหานคร สำหรับวางแผนในการปรับปรุงความปลอดภัย
3. ศึกษาและประยุกต์ใช้ iRAP ในการประเมินโครงข่ายถนนในกรุงเทพมหานคร เพื่อออกแบบปรับปรุงความปลอดภัยบนถนนต้นแบบ
4. กำหนดกรอบแนวทางการยกระดับความปลอดภัยบนโครงข่ายถนนในกรุงเทพมหานครด้วยมาตรฐานสากล เพื่อให้บรรลุค่าเป้าหมายโลกด้านความปลอดภัยทางถนน
.
ผลลัพธ์ที่ได้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่
1. ผลการประเมินระดับความปลอดภัย โครงข่ายถนนสายหลัก 500 กม. พร้อมทั้งมาตรการที่ต้องปรับปรุงเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ผ่านระดับความปลอดภัย 3 ดาว โดยพบว่าถนนที่ผ่าน 3 ดาวแยกตามกลุ่มผู้ใช้ทางอยู่ที่ร้อยละ 54 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ร้อยละ 26 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 53 สำหรับกลุ่มคนเดินเท้าและร้อยละ 38 สำหรับกลุ่มผู้ใช้จักรยาน
2. ผลการประเมินระดับความปลอดภัยถนนนำร่องในพื้นที่ 50 เขต เขตละ 1 เส้นทาง พร้อมทั้งมาตรการเพิ่มระดับดาว (SRIP plan) และตำแหน่งการใช้มาตรการ โดยพบว่าถนนที่ผ่าน 3 ดาวแยกตามกลุ่มผู้ใช้ทางอยู่ที่ร้อยละ 60 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ร้อยละ 40 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 36 สำหรับกลุ่มคนเดินเท้า และร้อยละ 58 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยาน
3. ผลการประเมินระดับความปลอดภัยถนนกรณีศึกษาวงแหวนรัชดา 50 กม. และแบบสำหรับปรับปรุงความปลอดภัยถนน (Conceptual Design) จัดทำแผนระยะสั้นและระยะยาว โดยพบว่าถนนที่ผ่าน 3 ดาวแยกตามกลุ่มผู้ใช้ทางอยู่ที่ร้อยละ 71 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ ร้อยละ 30 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 52 สำหรับกลุ่มคนเดินเท้า และร้อยละ 17 สำหรับกลุ่มผู้ใช้รถจักรยาน
.
ผลการศึกษาจากโครงการนี้ สามารถนำไปสู่แผนการในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนโดยเน้น 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ การควบคุมความเร็วที่เหมาะสม โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนหนาแน่น ด้วยการปรับความเร็วจำกัด และติดตั้งมาตรการสยบความเร็ว การป้องกันสิ่งอันตรายข้างทางตลอดแนวเส้นทาง ด้วยการกำจัดออกหรือติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันโดยเฉพาะ รวมถึงเพิ่มความปลอดภัยบริเวณทางแยกด้วยการจัดการช่องจราจร และปรับสัญญาณไฟจราจรให้ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้ทางทุกกลุ่ม นอกจากนี้ควรมีการปรับปรุงทางเท้าและทางข้ามให้ปลอดภัย โดยให้สอดคล้องกับกิจกรรมในพื้นที่ 2 ข้างทาง รวมทั้งปรับปรุงสัญลักษณ์จราจรบนพื้นทาง และป้ายจราจรให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และสามารถมองเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพการณ์ โดยการปรับปรุงถนนตามมาตรการต่าง ๆ อาจแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ มาตรการในระยะสั้น ประกอบด้วย การทาสี ตีเส้นจราจรเพื่อความชัดเจน การกำจัดสิ่งกีดขวางหรือบดบังการมองเห็น รวมถึงการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย จำพวกเสาล้มลุก หรือป้ายเตือนต่าง ๆ มาตรการระยะยาว ประกอบด้วย การติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยที่ใช้งบประมาณสูง หรือต้องมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการดำเนินการ เช่น การติดตั้งทางม้าลายและสัญญาณไฟคนข้าม การติดตั้งราวกันอันตราย การปรับปรุงขยายทางเท้า และการสร้างเส้นทางสำหรับผู้ใช้จักรยาน เป็นต้น
.
หลักการและเหตุผลในการริเริ่มโครงการ
ประเทศไทยได้สนับสนุนต่อปฏิญญากรุงสตอกโฮล์ม ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนน (Stockholm Declaration) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลดความสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนภายในปี 2030 ร้อยละ 50 สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ตระหนักดีว่าการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรจำเป็นต้องดำเนินการในหลายมิติ ตั้งแต่การจัดตั้งหน่วยงานรับผิดชอบหลักพร้อมสร้างความเข้มแข็งให้บุคลากรของกรุงเทพมหานคร การสืบค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ ทั้งปัญหาด้านกายภาพของถนนที่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนน การประเมินและปรับปรุงความปลอดภัยทางถนนด้วยมาตรฐานนานาชาติ เป็นการเริ่มต้นปรับปรุงความปลอดภัยโครงข่ายถนนตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGS) และเป็นการตอบสนององค์การอนามัยโลก (WHO) ในการลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “เดินทางดี ปลอดภัยดี” และเพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่ได้กำหนดให้ปี พ.ศ. 2564 – 2573 เป็นทศวรรษความปลอดภัยทางถนน ระยะที่ 2 ต่อไป

 

“วิศวฯ จุฬาฯ – เออาร์วี” ผนึกกำลังร่วมปรับโฉมหลักสูตรคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล พร้อมปั้นนิสิตรุ่นใหม่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจแบบครบองค์

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ ARV ร่วมพัฒนาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัลหรือ Bachelor of Engineering in Computer Engineering and Digital Technology ซึ่งเป็นความร่วมมือทางวิชาการที่ว่าด้วยการเพิ่มความรู้และทักษะทางวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมสายเทคฯ เป็นผู้ให้คำแนะนำแก่นิสิตตลอดโครงการ พร้อมดำเนินการตามแผนให้เกิดผลสัมฤทธิ์การพัฒนานิสิตนักศึกษาให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในด้านคอมพิวเตอร์แบบครบวงจร ตั้งแต่ระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ปัญญาประดิษฐ์ และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ โดยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้นิสิตของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้มีประสบการณ์ในการทำงานอย่างแท้จริง นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณปฏิญญา อมรรัตนานนท์ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด ร่วมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรรถวิทย์ สุดแสง หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวฯ จุฬาฯ และคุณธนา สราญเวทพันธุ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด

 

คณะวิศวฯ จุฬาฯ ขอแสดงความยินดีกับคณาจารย์ เนื่องในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ตำแหน่ง “ผู้ช่วยศาสตราจารย์”

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอแสดงความยินดีกับ
– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกพล ช่วงสุวนิช อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์สันธ์ บัณฑิตสกุลชัย อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา
– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิธิ แสนอาจหาญ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโลหการ
เนื่องในโอกาสได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ตำแหน่ง “ผู้ช่วยศาสตราจารย์”

เปิดรับสมัครนิสิตใหม่ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สหสาขาวิชานวัตวิศวกรรมเพื่อความยั่งยืน (Innovative Engineering for Sustainability : IES) ประจำภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา 2567 (รอบที่ 2)

เปิดรับสมัครนิสิตใหม่ หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สหสาขาวิชานวัตวิศวกรรมเพื่อความยั่งยืน

(Innovative Engineering for Sustainability : IES)

ประจำภาคการศึกษาต้น ปีการศึกษา 2567 (รอบที่ 2)

 

“หลักสูตร IES ให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้าใจในด้านการเติบโตอย่างมีส่วนร่วม และสมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการให้แนวคิดที่เกี่ยวข้องและรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบสาธารณูปโภค ความเข้าใจในด้านความเชื่อมโยงระหว่างทรัพยากรน้ำ พลังงาน และอาหาร และแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผสมผสานกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

  • เรียนนอกเวลาราชการ
  • ระยะเวลาการศึกษาตามแผนการศึกษารวม 4 ภาคการศึกษา (ไม่เกิน 8 ภาคการศึกษา)
  • จำนวนหน่วยกิตรวมตลอดหลักสูตร 36 หน่วยกิต
  • รับจำนวนจำกัด 20 ท่าน ต่อภาคการศึกษา

 

คุณสมบัติผู้สมัคร

  • สำเร็จการศึกษาปริญญาบัณฑิต หรือเทียบเท่า ทุกสาขาวิชาที่คณะกรรมการบริหารหลักสูตรพิจารณาแล้วเห็นสมควรให้มีสิทธิ์สมัครเข้าศึกษาได้
  • คะแนนการทดสอบความรู้ความสามารถทางภาษาอังกฤษ ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดตามแนบท้ายประกาศรับสมัครฯ

 

กำหนดการรับสมัคร

ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2566

  • ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบ : วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2567

สอบสัมภาษณ์

วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 เวลา 09.00 – 12.00 น. (รายละเอียดเพิ่มเติมจะแจ้งให้ทราบภายหลัง)

  • ประกาศผลการสอบคัดเลือก : วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม 2567

หมายเหตุ: หากมีการปรับเปลี่ยนกำหนดการ จะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า

สมัครเรียนได้ที่: https://www.register.gradchula.com/apply/registerDetailForapply/6051P6

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

E-mail: iesprogram@eng.chula.ac.th

โทร. 0-2218-7813

เพิ่มทางเลือกไฟฟ้าพลังงานสะอาด กฟผ. – วิศวฯ จุฬาฯ ผนึกกำลังศึกษาและพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หนุนตอบโจทย์ความเป็นกลางทางคาร์บอน

กฟผ. ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อเป็นทางเลือกในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด ขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality สร้างความมั่นคงทางพลังงานและสภาพแวดล้อมที่ดีของคนไทยอย่างยั่งยืน

.
เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ศ. ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการศึกษาและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยมีนายฉัตรชัย มาวงศ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมและก่อสร้างโรงไฟฟ้า กฟผ. และ ผศ. ดร.พงษ์แพทย์ เพ่งวาณิชย์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวฯ จุฬาฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี
.
นายทิเดช เอี่ยมสาย รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน กฟผ. กล่าวถึงความร่วมมืออย่างยาวนาน ระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ และ กฟผ. ด้านพลังงานนิวเคลียร์นี้ว่า กฟผ. ได้ศึกษาและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศไทย พร้อมทั้งพัฒนาบุคลากรทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ ผ่านโครงการอบรมหลายหลักสูตร ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมและผลักดันการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาด สอดคล้องกับเป้าหมายของ กฟผ. ที่จะนำองค์การมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างเป็นรูปธรรม ภายในปี ค.ศ. 2050 ผ่านการขับเคลื่อนองค์การภายใต้กลยุทธ์ ‘Triple S’ คือ Sources Transformation จัดการตั้งแต่ต้นกำเนิด ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด
.
ศ. ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จุฬาฯ มีความพร้อมสนับสนุนการวิจัยร่วมกับ กฟผ. ทั้งสถาบันวิจัยพลังงาน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพลังงานต่าง ๆ รวมถึงพลังงานนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ ที่เปิดสอนในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ตั้งแต่ปริญญาตรีถึงปริญญาเอก และมีการวิจัยระดับสูงที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ความร่วมมือในครั้งนี้ จะนำไปสู่การสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ รองรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดของประเทศ โดยพลังงานนิวเคลียร์นี้ นับเป็นพลังงานทางเลือกที่สามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงทางด้านพลังงาน และส่งเสริมให้ประเทศเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในอนาคต
.
ปัจจุบัน กฟผ. อยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านต่าง ๆ สำหรับการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่มีการออกแบบและพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง ยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง จึงเป็นหนึ่งในพลังงานสะอาดที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการตอบสนองต่อนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ตลอดจนความเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับประเทศไทยอย่างยั่งยืน

 

คณะวิศวฯ จุฬาฯ ขอแสดงความยินดีกับ รศ. ดร.สมบูรณ์ รัศมี ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ ในโอกาสที่ได้รับรางวัล Technology development award ประจำปี ค.ศ. 2023 จากสมาคมพลังงานปรมาณูของประเทศญี่ปุ่น (Atomic Energy Society of Japan, AESJ) ที่มหาวิทยาลัย Kindai University, Osaka ประเทศญี่ปุ่น

คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอแสดงความยินดีกับ รศ. ดร.สมบูรณ์ รัศมี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ ดร.นรากานต์ คุณศรีเมฆ นักวิจัยหลังปริญญาเอกของภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ นายวศิน เวชกามา ศิษย์เก่าของภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ วิศวกรนิวเคลียร์ประจำสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ดร.กัมปนาท ซิลวา นักวิจัยของศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ และ Prof. Takashi Hibiki ศาสตราภิชานกองทุนเพื่อการบริหารวิชาการและการศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์และศาตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย City University of Hongkong ในโอกาสที่ได้รับรางวัล Technology development award ประจำปี ค.ศ. 2023 จากสมาคมพลังงานปรมาณูของประเทศญี่ปุ่น (Atomic Energy Society of Japan, AESJ) ที่มหาวิทยาลัย Kindai University, Osaka ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 27 มีนาคม 2567
.
งานที่ได้รับรางวัลเป็นการพัฒนาโปรแกรมการวิเคราะห์ผลกระทบจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ (Nuclear Accident Consequence Analysis Code, NACAC) ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง 3 หน่วยงานในประเทศ ได้แก่ ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ และ ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ และหน่วยงานนอกประเทศ ได้แก่ City University of Hongkong เพื่อการใช้งานการวิเคราะห์ผลกระทบจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ต่อประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านหากเกิดขึ้นอุบัติเหตุในโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศอื่น ๆ โดยรอบ โดยสามารถคำนวณปริมาณรังสีที่แพร่กระจายในพื้นที่ต่าง ๆ รอบโรงไฟฟ้า ประเมินผลกระทบทางรังสีต่อสิ่งมีชีวิต เป็นการพัฒนาระดับ Source Code ซึ่งสามารถปรับแต่ง สมการ รูปแบบการคำนวณและการแสดงผลให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้งาน ทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดปรับปรุงประสิทธิภาพการทำนายให้ดีมากยิ่งขึ้นได้ ซึ่งไม่สามารถพบได้ในโปรแกรมลักษณะเดียวกันเชิงพาณิชย์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป นับเป็นความสำเร็จของประเทศในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำนายและวิเคราะห์ผลกระทบหากเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขึ้น โดยผลการทำนายที่ได้สามารถนำไปใช้ในการวางแผนการจัดการอุบัติเหตุ การเคลื่อนย้ายประชากรของประเทศ หากกรณีเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน โดยมีจุดประสงค์คือนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่ดีกับผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราอาจไม่สามารถวัดผลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ดีขึ้นได้

บันทึกการตั้งค่า